คนท้องมักจะมีอาการแปรปรวน หรือมีอาการแปลกๆ แตกต่างจากคนทั่วไป เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายของเรา ซึ่งอาการที่มักจะเกิดขึ้นกับคนท้องส่วนใหญ่มีดังนี้
- อาการแพ้ท้องตอนเช้า
อาการแพ้ท้อง เป็นอาการส่วนใหญ่ที่คนท้องจะมีกันทั้งนั้น ซึ่งอาการแพ้ของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนอยากกินนุ่นอยากกินนี่ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่แพ้ท้อง จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือว่าปวดหัว รู้สึกวิงเวียนเหมือนจะเป็นลมในตอนเช้า น้อยคนนักที่จะเกิดในเวลาอื่น
การแพ้ท้องนี้จะเกิดขึ้นประมาณวันละ 5-10 นาที จากนั้นก็จะค่อยบรรเทากัน ซึ่งส่วนใหญ่สิ่งที่อาเจียนออกมาจะเป็นน้ำและลม แต่ก็มีเหมือนกันที่กินอาหารแล้วอาเจียนออกมา อันนี้น่าเป็นห่วง เพราะว่าจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียกินอาหารไม่ได้ ผอมเกินมาตรฐาน น้ำหนักน้อย ทำให้ส่งผลกระทบถึงลูกในท้องอีกด้วย
หากว่าเราแพ้ท้องมากถึงขั้นกินอาหารไม่ได้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อที่แพทย์จะได้ช่วยตรวจและวินิจฉัยว่าอาการของเราเกิดขึ้นเพราะอะไร แต่ในเบื้องต้นเราสามารถแก้ไขได้โดยการกินอาหารแห้งๆ ทีละน้อย หรือไม่ก็ดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือ อาหารมันๆ เลี่ยนๆ จำพวกไขมัน อาหารชุดใหญ่ๆ ซึ่งหากว่าแก้ไขในระยะเริ่มต้นสำเร็จก็ไม่ต้องไปหาหมอโดยทันที ค่อยรายงานให้หมอทราบเมื่อถึงเวลานัดครั้งต่อไป แต่หากว่าแก้ไขแล้วไม่ได้ผล ควรไปพบแพทย์ทันที
- การกินอาหาร
เมื่อเราท้องแล้ว เราจะรู้สึกว่าการกินอาหารของเราเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ หรือว่าลักษณะของที่เคยชอบกิน ซึ่งแต่ละคนก็แตกต่างกันไป
หากว่าเราไม่ได้อยู่ในช่วงที่แพ้ท้องมากแล้วละก็ คนที่ตั้งครรภ์ส่วนมากจะกินอาหารมากกว่าปกติ เนื่องจากต้องกินอาหารเผื่อลูกในท้องด้วย แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่เบื่ออาหารไปหมดทุกอย่าง ไม่อยากจะกินอะไรเลย แต่ถึงกระนั้นเราก็ต้องกินอาหารเพื่อที่จะทำให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
รสอาหารและประเภทของอาหารของคนท้องก็เปลี่ยนแปลงไป บางคนเคยชอบกินบ๊วยเค็มมาก พอท้องก็อาจจะเบื่อและพาลเกลียด แต่หันไปชอบทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองที่เคยไม่ชอบแทน
ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ว่าคุณแม่ควรที่จะพึงระลึกเอาไว้เสมอว่า ไม่ว่าเราจะอยากกินอะไรแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งที่ควรจะยึดถือปฏิบัติก็คือ เราควรที่จะกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ให้ครบคุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่ทั้งเราและลูกน้อยต้องการ เพื่อพัฒนาการที่ดีของลูก และเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเราเองด้วยนั่นเอง
- อารมณ์ที่แปรเปลี่ยน
สิ่งหนึ่งที่คนท้องแทบทุกคนต้องเป็น ก็คืออารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ หงุดหงิดง่าย ขี้น้อยใจ คิดมาก และทำอะไรไมได้ดังใจสักอย่าง ซึ่งคนรอบข้างก็ต้องทำใจเอาไว้เลย เพราะนี่เป็นอารมณ์ที่ต้องเกิดขึ้นและคนรอบข้างก็ต้องรู้จักที่จะใจเย็น และไม่โมโหโกรธาไป
คุณพ่อเป็นบุคคลที่ต้องเข้าใจมากที่สุด เพราะว่าเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิด และเป็นคนที่คุณแม่ต้องการกำลังใจมากที่สุด คุณพ่อต้องพยายามให้ความเอาใจใส่กับคุณแม่มากขึ้นกว่าเดิม อาจจะ 2 หรือ 3 เท่าก็ได้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อให้คุณแม่รู้สึกคลายกังวลอย่างหนึ่ง เพราะคนท้องส่วนใหญ่มักจะกลัวว่าสามีจะนอกใจไปในช่วงที่ตั้งท้อง เพราะเป็นช่วงที่ตัวเองไม่สวย และทำอะไรไม่ได้มาก
สิ่งหนึ่งที่คุณแม่ต้องทำเกี่ยวกับอารมณ์ก็คือ ต้องทำใจให้สบาย และควบคุมตัวเองไม่ให้หงุดหงิดหรือว่าเครียดมาก โดยอาจจะหางานอดิเรกทำ และยิ่งหากเป็นงานอดิเรกที่เกี่ยวข้องกับลูกด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการดี อย่างเช่น เราอาจจะถักถุงมือให้ลูกของเราเองระหว่างที่ถักก็คุยกับลูกในท้องไปด้วย ดูหนังฟังเพลง หรือว่าวาดรูปหรือว่าทำอะไรก็ได้ที่ไม่กระทบกระเทือนต่อลูกในท้อง ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว อาจจะชวนคุณพ่อหรือว่าลูกคนก่อนๆ หรือว่าบุคคลรอบข้างมาด้วย เพื่อที่จะได้รู้สึกไม่เครียด และเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในครอบครัว
อย่าลืมว่าอารมณ์ของแม่มีผลต่อลูกในท้อง ดังนั้นเราจะต้องควบคุมอารมณ์ของเราให้ดี หากไม่ต้องการให้ลูกออกมากลายเป็นคนที่ขี้หงุดหงิด หรือว่ายิ้มยาก ท้องเอาไว้ว่าอารมณ์ของเรามีผลต่อลูกของเรา
- นอนไม่หลับ
อาการหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่ตั้งครรภ์ก็คือ อาหารนอนไม่หลับ บางคนที่ไม่เคยมีอาการนอนไม่หลับมาก่อน ก็สามารถมีอาการดังกล่าวในข่วงที่ตั้งครรภ์นี้ก็ได้ อาการนอนไม่หลับนี้อาจจะเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากความไม่สบายกายและใจ
ความไม่สบายใจก็อย่างเช่นอาการวิตกกังวลต่างๆ อาจจะเป็นอาการวิตกกังวลที่มีผลต่อเนื่องมาจากการตั้งครรภ์ ส่วนอาการไม่สบายทางกายนั้นอาจจะเกิดมาจากการหายใจที่ลำบาก ปวดปัสสาวะบ่อย ปวดแสบปวดร้อนบริเวณยอดอก หรือาจจะเกิดจากการเคลื่อนไหวของลูกในท้อง หรืออาจจะเกิดจากความอึดอัดต่างๆ นานัปการซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุของอาการนอนไม่หลับทั้งสิ้น
อาการนอนไม่หลับนี้เป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งเลยทีเดียว เพราะว่าคนท้องต้องการการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งหากพักผ่อนได้อย่างไม่เต็มที่ อาจจะมีผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยได้
การแก้อาการนอนไม่หลับนั้น สามารถช่วยบรรเทาง่ายๆ ไม่ยาก ซึ่งอาจจะใช้วิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้
- ดื่มนมอุ่นๆ สักแก้วก่อนนอน จะช่วยทำให้เรานอนหลับได้สบายขึ้น เพราะนมจะมีสารช่วยทำให้ร่างกายของเราผ่อนคลายและหลับสบาย
- งดเครื่องดื่มกาเฟอีนทุกชนิด เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนก็อย่างเช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม โกโก้ เครื่องดื่มเหล่านี้ปกติก็มีผลต่อลูกน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีอาการนอนไม่หลับผสมอยู่ด้วย ก็ให้เลิกไปเลย เพื่อสุขภาพที่ดีของทั้งลูกและของเรา
- อาบน้ำอุ่นก่อนเข้านอน น้ำอุ่นจะช่วยทำให้ร่างกายและกล้ามเนื้อของเรารู้สึกผ่อนคลาย และทำให้เราหลับสบายขึ้น
- ฝึกสมาธิก่อนเข้านอน การที่ทำสมาธิก่อนเข้านอน จะทำให้จิตใจของเราสงบ ไม่มีเรื่องฟุ้งซ่านในหัว ทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น ซึ่งการทำสมาธิอาจจะทำเพียงการกำหนดลมหายใจเข้าออก ให้รู้ว่านี่หายใจเข้า นี่หายใจออก โดยที่เรานอนกำหนดลมหายใจก็สามารถทำได้เหมือนกัน
หากว่าเรายังมีอาการนอนไม่หลับอีก ควรปรึกษาหมอ เพื่อที่จะช่วยแก้ไขปัญหาต่อไป
- หน้ามืด
ในช่วงที่ตั้งครรภ์ อาการหนึ่งที่เป็นบ่อยๆ ก็คือ อาการหน้ามืดจะเป็นลม ทั้งนี้เนื่องจากว่าช่วงระยะเวลาที่ตั้งครรภ์นั้นปริมาณของเลือดในร่างกายของเราจะเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 40% ทำให้ความดันโลหิตจองเราลดต่ำลงซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เราหน้ามืดและเป็นลมได้ง่าย
อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงที่เราเหนื่อยมากๆ ซึ่งอาจจะหลังจากที่เราออกกำลังกาย หรือว่าทำกิจกรรมอะไรสักอย่าง วิธีแก้ก็คือ
- ให้เราค่อยๆ นั่งลง แล้วเอนตัวลงนอนตะแคง
- นั่งลง แล้วก้มหัวของเราให้อยู่ระหว่างเข่าทั้งสองข้าง
ทั้งสองวิธีจะช่วยแก้ไขอาการหน้ามืดได้ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะต้องระมัดระวังตัวเอง เนื่องจากการหน้ามืดอาจจะทำให้เราล้มลงและเป็นอันตรายกับลูกในท้องได้
- ตกขาว
ปกติแล้วร่างกายของเราก็มีตกขาวออกมาบ้าง ในคนท้องก็มีออกมาเช่นเดียวกัน ซึ่งตกขาวนี้จะมากกว่าตอนที่ยังไม่ตั้งครรภ์เล็กน้อย ซึ่งสีก็จะเป็นสีปกติ ก็คือสีขาว หรือว่าขาวขุ่น
แม้ว่าการมีตกขาวจะเป็นเรื่องปกติของการตั้งครรภ์ แต่ว่าเราก็ควรจะสังเกตด้วยเหมือนกัน โดยสังเกตเช่นเดียวกับตอนที่ยังไม่ได้ตั้งครรภ์ โดยดูที่สีของตกขาว ซึ่งหากว่ามีสีที่ต่างออกไป คือมีสีที่ไม่ใช่สีขาวขุ่น เช่น มีสีเหมือนช้ำเลือดช้ำหนอง และมีอาการคันร่วมด้วย ก็แสดงว่ามีอาการผิดปกติ ให้ปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจจะเกี่ยวกับลูกของเราก็เป็นไปได้
- เหนื่อยง่าย
อาการเหนื่อยง่ายของคุณแม่จะปรากฏให้เห็นบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ท้องแก้ใกล้คลอด เนื่องจากน้ำหนักตัวของลูกที่มากขึ้น การหายใจที่เปลี่ยนไปเป็นสั้นและถี่ขึ้น ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายของเราเหนื่อยง่ายขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้เรารู้สึกเหมือนจะเป็นลมได้
สาเหตุของอาการเหนื่อยง่ายมักจะเกิดจากการที่มดลูกขยายใหญ่ขึ้นไปกดทับเส้นเลือดที่อยู่ทางด้านหลังของเรา ทำให้เลือดที่ไหลกลับเข้าสู่หัวใจเดินทางลำบากจึงเกิดอาการเหนื่อยง่าย
วิธีแก้ก็คือ ให้หลีกเลี่ยงการนอนหงายราบนานๆ การนอนตะแคง หรือว่าท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนจะเป็นผลดีมากกว่า
- ท้องลาย
เมื่อท้องของเราเริ่มที่จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้ท้องของเราลายขึ้น บริเวณขาหนีบก็เริ่มหมองคล้ำ อย่างใต้วงแขน หรือข้อพับหรือแม้แต่หัวนมก็มีสีเข้มข้นกว่าเดิม
สิ่งต่างๆ เหล่านี้สร้างความกังวลใจให้กับเราพอควร เพราะว่าเป็นธรรมดาของผู้หญิงที่จะกลัวว่าตัวเองจะไม่สวย หรือไม่น่ามองซึ่งจะทำให้สามี หรือว่าที่คุณพ่อไม่อยากมอง หรือว่าเหนื่อยหน่ายกับสภาพร่างกายของคุณแม่ ทำให้ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเดิมไปอีก
ดังนั้นการใช้ครีมหรือโลชั่นก็เป็นทางเลือกหนึ่งของคนท้องเพราะเราไม่สามารถห้ามไม่ให้ท้องลาย หรือท้องใหญ่ขึ้นได้ ดังนั้นเราก็ต้องแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุกัน ซึ่งหลังอาบน้ำก็ให้เราทาครีมหรือโลชั่นที่ป้องกันท้องลายที่ท้อง ข้อพับ และขาหนีบต่างๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีครีมและโลชั่นที่ทำขึ้นสำหรับคุณแม่ เพื่อป้องกันท้องลายโดยเฉพาะซึ่งครีมดังกล่าวก็ผลิตขึ้นโดยที่ไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย แต่อย่างไรก็ดีเราควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อลูกได้โดยไม่รู้ตัว
- ปัสสาวะบ่อย
เมื่อตั้งครรภ์ เราจะสังเกตเห็นได้ว่า เราจะปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ และปริมาณของน้ำปัสสาวะที่ออกมาก็น้อยกว่าปกติ ซึ่งถ้ามีอาการนี้เกิดขึ้น เราก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลไป เนื่องจากเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เวลาเราท้องจะปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากว่าเมื่อเราตั้งครรภ์ มดลูกของเราจะขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และขนาดของมดลูกก็ไปกดทับบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดแรงบีบกดทำให้เราปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น ซึ่งก็ไม่จำเป็นจะต้องไปกังวลอะไร
แต่ก็มีเหมือนกันที่อาการของการปวดปัสสาวะจะเป็นอาการผิดปกติ ซึ่งก็จะมีอาการของการเจ็บแสบเมื่อปัสสาวะร่วมด้วย ซึ่งในกรณีนี้รีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เพราะอาจจะเป็นสัญญาณของโรคนิ่ว หรือว่าการติดเชื้อ
- แสบร้อนบริเวณอก
อาการของการรู้สึกแสบร้อนบริเวณหน้าอก มักจะเกิดขึ้นเมื่อเรามีอายุครรภ์ได้มากแล้ว ซึ่งจะเกิดขึ้นเพราะการขยายตัวของมดลูกที่มีขนาดใหญ่
เมื่อมดลูกขยายตัวขึ้น กระเพาะอาหารก็จะถูกบีบกดตามไปด้วย ทำให้เมื่อย่อยอาหารก็จะมีกรดส่วนหนึ่งไหลย้อนขึ้นไปบริเวณทรวงอก ทำให้เรารู้สึกแสบร้อนบริเวณดังกล่าว ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อเรากินอาหารผ่านไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมง และระยะเวลาของอาการก็ยาวนานนับชั่วโมงเลยทีเดียว
วิธีแก้อาการนี้ก็คือ ให้แบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ ประมาณวันละ 5-6 มื้อ แล้วกินอาหารคราวละน้อยๆ ซึ่งจะช่วยให้อาการนี้เบาบางหรือว่าหายไป และหากว่ายังมีอาการอย่างนี้อยู่ ระหว่างที่มีอาการก็ให้จิบนมจิบเล็กๆ หลายๆ จิบ นมจะช่วยไปลดกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้อาการเหล่านี้หายไป
- เท้าบวม
อาการบวมนี้เกิดขึ้นได้ ซึ่งสาเหตุของการบวมในแบบนี้ไม่เป็นอันตรายจะเกิดจากการที่มดลูกที่ขยายใหญ่ของเรา ขยายไปทับหลอดเลือดดำด้านลำตัว ทำให้เลือดไหลกลับไปสู่หัวใจไม่สะดวก ทำให้เกิดอาการเท้าบวมได้
อาการเท้าบวมนี้ไม่ใช่อาการที่น่าวิตก ถ้าไม่มีอาการบวมแบบลามไปถึงหน้าแข้ง หรือบวมไปทั่วตัว จนคนทักว่าตาเล็ก หน้าบวม มือบวม น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกรณีนี้ให้ไปพบแพทย์โดยด่วน เนื่องจากเป็นสัญญาณอันตราย ซึ่งอาจจะเกิดโรคแทรกซ้อนขึ้นได้และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ การตั้งครรภ์เป็นพิษ