การดูแลสุขภาพจิตระหว่างตั้งครรภ์
ในช่วงเวลากว่า 9 เดือนที่ลูกอยู่ในท้องของเรา มีความสำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าระยะเวลาที่เราคลอดเขามาแล้ว เพราะว่าไม่ว่าเราจะคิด เครียด วิตกกังวล สนุกสนาน เศร้า หรือว่าหัวเราะ อารมณ์เหล่านี้ทั้งหมดทั้งปวงก็ล้วนแล้วแต่มีผลต่อลูกน้อยทั้งนั้น เพราะลูกจะรับรู้ความคิดความรู้สึกของเราไปเต็มๆ
ดังนั้นหากว่าเราไม่ต้องการให้ลูกออกมาเป็นเด็กอารมณ์ร้าย หรือว่ามีนิสัยเกรี้ยวกราด เอาแต่ใจเมื่อยามแรกเกิดละก็ เราควรที่จะทำจิตใจของเราให้แจ่มใสอยู่เสมอ และปัดความเครียดและหมองมัวออกจากใจให้มากที่สุด
นอกจากคุณแม่เองจะพยายามเองแล้ว คนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ควรจะช่วยทำให้สุขภาพจิตของผู้ที่ตั้งครรภ์ดีขึ้น โดยให้ความรักความเอาใจใส่เพิ่มขึ้นกว่าปกติ ซึ่งคนท้องฮอร์โมนก็จะมีการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และอาจจะทำให้หงุดหงิดบ่อยๆ ทำให้คนที่อยู่รอบข้างต้องทำใจเอาไว้เลย
คนที่มีผลต่อจิตใจของคุณแม่มากที่สุดก็คือ คุณพ่อนั่นเอง เพราะว่าคุณพ่อจะเป็นคนที่ใกล้ชิดคุณแม่มากที่สุด ดังนั้นจึงเป็นคนที่ต้องรับความแปรปรวน และเป็นคนที่ต้องคลายความกังวลของคุณแม่มากที่สุด
ความกังวลของคนที่ท้องก็อย่างเช่น กังวลเรื่องรูปร่างว่าจะไม่สวย กลัวว่าสามีจะไม่รัก กังวลว่าลูกน้อยจะออกมาไม่สมบูรณ์แข็งแรง วิธีที่คลายความกังวลก็คือ คนรอบข้างต้องให้ความรักความเอาใจใส่ และเตรียมรับอารมณ์ที่แปรปรวนของคุณแม่ เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง
เชื่อกันว่าอารมณ์ของแม่จะมีผลต่อลูกน้อย หากว่าเรากังวลมาก หรือว่าตกอยู่ในภาวะเครียดมาก ก็จะทำให้ลูกที่เกิดมาหงุดหงิดง่าย ดังนั้นเราจึงควรทำอารมณ์ที่แจ่มใส เพื่อให้ฟื้นอารมณ์ของลูกดีและมีความสุข
- อารมณ์ที่แปรปรวนของคุณแม่
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าระหว่างที่ตั้งครรภ์ คุณแม่จะมีอารมณ์แปรปรวนมากกว่าปกติ ซึ่งนอกจากจะเป็นช่วงที่ตั้งครรภ์แล้ว ยังเป็นยาวต่อเนื่องไปถึงหลังจากคลอดบุตรประมาณ 2-3 เดือน หลังจากนั้นอารมณ์จึงกลับมาสู่สภาพเดิม ไม่หงุดหงิดงอแงง่ายอย่างที่ผ่านมา
อารมณ์อ่อนไหวของว่าที่คุณแม่จะเกิดขึ้นได้ง่าย จนทำให้คนรอบข้างรู้สึกแปลกใจได้